วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ข้อคิดดีๆสำหรับผู้ที่ชนะและที่พ่ายแพ้

ข้อคิดดีๆ ผู้แพ้และผู้ชนะ



1.When a winner commits a mistake, he say I'm wrong (Habit 1 : Be proactive)
ผู้ชนะ : เมื่อพบว่ามีข้อผิดพลาด จะพูดว่า ฉันทำผิดเอง

When a loser commits a mistake, he says it's not my fault
ผู้แพ้ : เมื่อพบข้อผิดพลาด จะพูดว่า ไม่ใช่ความผิดของฉัน



2.A winner works harder and has more time than a loser (Habit 2 :Begin with the end in mind)
ผู้ชนะ : จะทำงานหนักกว่าปกติ และมีเวลามากกว่าผู้แพ้

A loser always is too busy to do what is necessary (Habit 3 : Put first thing
first)
ผู้แพ้ :จะทำงานแบบยุ่งทั้งวัน โดยที่ไม่คิดว่างานไหน ควรทำก่อนทำหลัง



3.A winner faces and solves his/her problems (Habit 1 : Be proactive)
ผู้ชนะ : จะเผชิญหน้ากับปัญหาและลงมือแก้ไขปัญหานั้น

A loser does otherwise
ผู้แพ้ : จะทำในทางตรงข้าม หลีกเลี่ยงปัญหา



4) A winner makes things happen (Habit 1 : Be proactive)
ผู้ชนะ : จะลงมือทำงานให้ปรากฏผลงานขึ้น

A loser makes promises
ผู้แพ้ : จะให้แต่คำสัญญา คือมีแต่ลมปาก แต่ไม่ลงมือ

5) A winner wld say " I am good but not as good as I want to be "(Habit 1 : Be proactive)
ผู้ชนะ : จะพูดว่า “ ฉันทำได้ดี แต่ยังไม่ดีเท่ากับที่ฉันต้องการ “

A loser wld say " I am not as bad as others
ผู้แพ้ : จะพูดว่า “ ยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่มีผลงานแย่กว่าตัวเขา “



6) A winner listens, understand and responds (Habit 5 : Seek first to u
nderstand then be understood)
ผู้ชนะ : จะตั้งใจฟัง แล้วทำความเข้าใจ และ สามารถตอบสนองได้

A loser only waits until it's his/her turn to speak
ผู้แพ้ : จะรออย่างเดียว โดยไม่ฟัง ไม่ทำความเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด
รอจนกว่าจะถึงคิวที่จะได้พูดเรื่องของตัวเอง



7) A winner respects people who are superior to him and wld like to learn from them (Habit 1 : Be proactive)'
ผู้ชนะ : จะยอมรับ นับถือคนที่มีความสามารถเหนือกว่า และจะเรียนรู้จากคนเหล่านั้น

A loser does otherwise, and wld try to find his superior's faults
ผู้แพ้ : จะทำในทางตรงข้าม และจะพยายามหาข้อผิดพลาดของคนที่เหนือกว่าเขา



8) A winner is responsible not just for his own work (Haibt 4 : Think
win-win and Habit 6 : Synergize)
ผู้ชนะ : จะมีความรับผิดชอบ ไม่เพียงแต่งานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น จะช่วยคิดให้องค์กรประสบความสำเร็จ ( ไม่ใช่ไปก้าวก่ายงานคนอื่นนะ)

A loser will not dare help others and wld say I'm just doing my job
ผู้แพ้ : จะไม่กล้าที่จะช่วยเหลือคนอื่น และ มักจะพูดว่า ฉันไม่ว่าง กำลังทำงานของฉันอยู่


9) A winner wld say " There shd be a better way to do it "
(Habit 1 : Be proactive and Habit 2 : Begin with the end in mind)
ผู้ชนะ : ต้องมีวิธีที่จะทำให้ดีขึ้นได้ เสมอ

A loser wld say " This is the only way to do "
ผู้แพ้ : จะพูดว่า “ นี่คือหนทางเดียวที่ทำได้ “



10) A winner like you will share this with his/her friends (Habit 4 & 6)
ผู้ชนะ : จะแบ่งปันบทความนี้ไปยังเพื่อนๆของเขา

A loser will just keep this to himself/herself because he/she
doesn't hv time to share this with &nbs p;others.
ผู้แพ้ : จะเก็บบทความนี้เอาไว้ เพราะว่า เขาไม่มีเวลาที่จะแบ่งปันไปให้คนอื่น





ที่มา : Ps.Nual

เกณฑ์เลื่อนขั้นเงินเดือน(ใหม่)

ศธ.คลอดเกณฑ์เลื่อนขั้นเงินเดือน
การศึกษา-สาธารณสุข 24 พฤศจิกายน 2552 - 00:00

ศธ.คลอดเกณฑ์เลื่อนขั้นเงินเดือน หลังยกเลิกระบบซี วางกรอบคะแนนผลสัมฤทธิ์ของงาน 80% ที่เหลือเป็นสมรรถนะการปฏิบัติหน้าที่ 20% แต่รวมแล้วต้องไม่ต่ำกว่า 70% ถึงจะได้ปรับเงินเดือน แถมกำหนดขั้นบันไดเงินเดือนที่จะได้รับการเลื่อนขั้น ต่ำสุด 0.1-1.5% และสูงสุดไม่เกิน 4-6%

นายชินภัทร ภูมรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติราชการและการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเพื่อเตรียมการสำหรับการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติราชการ รวมถึงการเลื่อนขั้นเงินเดือนของข้าราชการพลเรือน เนื่องจากในปีงบประมาณ 2553 จะต้องเริ่มใช้การเลื่อนเงินเดือนในระบบใหม่ที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากเดิมเป็นขั้นเงินเดือน ทั้งนี้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ทำหนังสือเวียน ก.พ.ว20 ลงวันที่ 3 กันยายน 2552 มายัง สป.ศธ.

ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมกำหนดให้การประเมินผลการปฏิบัติราชการ มี 2 องค์ประกอบ คือ 1. ผลสัมฤทธิ์ของงาน ร้อยละ 80 และ 2.พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ หรือสมรรถนะ ร้อยละ 20 จากที่ ก.พ.กำหนดว่าต้องให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์ของงานไม่ต่ำกว่า 70% ทั้งนี้ เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มใช้ระบบนี้ ที่ประชุมจึงต้องการให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์ของงานมากกว่าสมรรถนะ เพราะการกำหนดสมรรถนะของแต่ละสายงานอาจจะยังไม่ชัดเจน แต่หลังมีความชัดเจนแล้ว ก็จะเพิ่มสัดส่วนสูงขึ้น

ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลสัมฤทธิ์ของงาน 80% นั้น จะพิจารณาจาก 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ปริมาณผลงาน 2.คุณภาพ 3.ความรวดเร็ว และ 4.ความประหยัดคุ้มค่า ส่วนตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย จะพิจารณาจากงานที่ได้รับมอบหมาย คือ งานตามคำรับรองประจำปี งานตามหน้าที่ความรับผิดชอบหลัก และงานที่ได้รับมอบหมายเป็นพิเศษซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะมากำหนดตัวชี้วัดประเมินผลสัมฤทธิ์ของงาน โดย ก.พ.กำหนดว่าตัวชี้วัด มีค่าน้ำหนักไม่น้อยกว่า 10% ของคะแนนรวม หรือมีไม่เกิน 10 ตัวชี้วัด เพื่อไม่เป็นภาระในการเก็บข้อมูล ส่วนการประเมินสมรรถนะ 20% นั้น จำแนกเป็น 2 ส่วน คือ 1.สมรรถนะหลัก จะประเมินกับข้าราชการพลเรือนทุกคน ใน 5 เรื่อง คือ การมุ่งผลสัมฤทธิ์ การบริการที่ดี การสั่งสมความเชี่ยวชาญ การยึดมั่นในความถูกต้อง การทำงานเป็นทีม และ 2.สมรรถนะทางการบริหาร จะวัดกลุ่มข้าราชการอำนวยการขึ้นไป ประกอบด้วย 6 ด้าน คือ สภาวะผู้นำ การวางกลยุทธ์ศักยภาพในการนำการปรับเปลี่ยน การควบคุมตนเอง การสอนงานและมอบหมายงาน

นายชินภัทรกล่าวต่อไปว่า ในการประเมินจะมีการกำหนดช่วงคะแนน ตลอดจนกำหนดจำนวนข้าราชการในแต่ละช่วงคะแนนด้วย เพราะต้องผูกโยงกับการเลื่อนเงินเดือน ซึ่งต่างจากระบบเลื่อนขั้นเงินเดือนในอดีต ที่ไม่มีการกำหนดจำนวนข้าราชการในแต่ละช่วงคะแนน ส่งผลทำให้แม้ผลคะแนนการประเมินออกมาสูง แต่ข้าราชการกลับไม่ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน เนื่องจากงบประมาณที่ได้รับมีจำกัด ทั้งนี้ จะมีการแบ่งกลุ่มคนที่ได้รับการประเมินออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มปรับปรุง ต่ำกว่า 60 คะแนน กำหนดสัดส่วนข้าราชการที่อยู่ในกลุ่มนี้ 5% ซึ่งจะไม่ได้เลื่อนเงินเดือน, กลุ่มพอใช้ ระหว่าง 60-69 คะแนน สัดส่วน 10% เลื่อนเงินเดือน 0.1-1.5%, กลุ่มดี ระหว่าง 70-79 คะแนน สัดส่วน 70% เลื่อนเงินเดือน 1.6-3%, กลุ่มดีมาก ระหว่าง 80-89 คะแนน สัดส่วนไม่เกิน 10% เลื่อนเงินเดือน 3.1-4.5% และกลุ่มดีเด่น ระหว่าง 90-100 คะแนน สัดส่วนไม่เกิน 5% เลื่อนเงินเดือน 4.6-6% ทั้งนี้ การประเมินเพื่อเลื่อนเงินเดือนจะแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกจะเสร็จสิ้นวันที่ 31 มีนาคม 2553 และช่วงที่ 2 เสร็จสิ้นวันที่ 30 กันยายน.
-----------------------------
จากไทยโพสต์ออนไลน์

คนเก่งในเมืองไทยมีมากมายแต่ที่มีจิตสำนึกยังไม่มากพอ

จากกรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ปธ.แพทย์ชนบท ไม่อยู่เป็นตรายางคกก.แก้ไขปัญหา"ไทยเข้มแข็ง"เหตุปรับลดจัดซื้อแค่10% รองปลัดสธ.ระบุ22คนเห็นตรงกันแค่ราคาท้องถิ่น ไม่น่าลาออก
น.พ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ตนได้ขอลาออกกลางที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ทักท้วงเรื่องการจัดสรรงบประมาณไม่เหมาะสมและราคาที่ตั้งไว้สูงเกินจริง แต่ปรากฏว่า ท้ายที่สุดคณะกรรมการฯ พยายามจะยึดราคาตามที่กองแบบแผนเสนอมา โดยปรับลดราคาลงได้เพียงประมาณ 10% เท่านั้น ไม่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตามที่นำเสนอ ทั้งที่ น่าจะปรับลดราคาได้ถึง 25% ทำให้อึดอัดใจ และไม่อยากเป็นเป็นเครื่องมือ หรือตรายางให้ใคร
น.พ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็ง กล่าวว่า ยืนยันว่าการกำหนดราคากลางสิ่งก่อสร้างโครงการไทยเข้มแข็ง ทางคณะกรรมการฯได้พิจารณาอย่างเหมาะสม เพื่อให้ทุกจังหวัดสามารถจัดจ้างได้
"ขณะที่ราคาที่นายแพทย์เกรียงศักดิ์ ระบุเป็นราคาท้องถิ่น อีกทั้งกรรมการทั้ง 22 คนยังเป็นชอบตรงกัน ยกเว้นเพียง นายแพทย์เกรียงศักดิ์คนเดียวเท่านั้น และการลาออกก็ถือเป็นสิทธิ์ แต่ความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องลาออกได้ เพียงแต่สงวนความเห็นบันทึกในรายการการประชุมได้" รองปลัดสาธารณสุข ระบุ
---------------------------------------------------------------
ดีใจคนไทยเก่ง............
....นักวิจัยจุฬาฯ คิดค้นนวัตกรรมผลิตเอทานอลบริสุทธิ์ 99.5 ด้วยแผ่นเยื่อบางซีโอไลท์ชนิดโซเดียม – เอ โดยไม่ต้องกลั่นซ้ำให้เปลืองพลังงาน
“แก๊สโซฮอล์”เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นส่วนผสมระหว่าง เอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๙.๕ ขึ้นไปผสมกับน้ำมันเบนซินได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นพลังงาน ทางเลือกทดแทนน้ำมันเบนซิน มีข้อดีคือมีโครงสร้างทางเคมีของแอลกอฮอล์ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ สามารถช่วยลดมลพิษทาง อากาศได้ และมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินทั่วไป
เอทานอลเป็นพลังงานทดแทน ชนิดหนึ่งที่ประเทศไทยสามารถผลิตเองได้จากการหมักและกลั่น ผลิตผลทางการเกษตร เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ฯลฯ
โดยเริ่มแรกได้ผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงในสัดส่วนร้อยละ 5 หรือ เรียกว่าแก๊สโซฮอล์ E5 ปัจจุบัน รัฐบาลมีนโยบายที่จะผลิตแก๊ส โซฮอล์ E20 คือ ผสมเอทานอลบริสุทธิ์ในน้ำมันร้อยละ 20 เอทานอลบริสุทธิ์
เอทานอลมีความสำคัญต่อประเทศในด้านพลังงาน มากขึ้นทุกวัน หากสามารถผสมลงในน้ำมันในสัดส่วนที่ยิ่งมาก ก็จะยิ่งช่วยลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศได้ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทย และทำให้เงินตรา หมุนเวียนอยู่ในประเทศอีกด้วย
ส่วนประเทศอื่นๆ ก็มีการตระหนัก ถึงความสำคัญของเอทานอลบริสุทธิ์มากขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐ อเมริกา ที่มีนโยบายว่าในอนาคตจะใช้ เอทานอลบริสุทธิ์แทนน้ำมัน เชื้อเพลิง และประเทศบราซิลก็มีการใช้แก๊สโซฮอล์ E100 ซึ่งก็คือเอทานอลบริสุทธิ์อย่างเดียว
ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตเอทานอลที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการ เอทานอลแห่งชาติให้ผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทั้งสิ้น 45 โรงงาน มีกำลังผลิตรวมประมาณ 11 ล้านลิตรต่อวันซึ่งยังไม่ เพียงพอต่อความต้องการที่มีอย่างน้อย 15 ล้านลิตรต่อวัน
วิธีการผลิตที่นิยมใช้คือการกลั่น โดยนำเอทานอลที่ได้จากการหมัก ผลิตผลทางการเกษตรซึ่งมีความบริสุทธิ์ร้อยละ 12 มากลั่นด้วย พลังงานค่อนข้างสูงจนได้ความบริสุทธิ์ร้อยละ 95.5 ซึ่งสามารถนำไปใช้ในโรงงานผลิตสุราหรือผลิตสารปิโตรเคมีได้ แต่ยังไม่สามารถ ผสมในน้ำมันเชื้อเพลิงได้ เนื่องจากต้องมีความบริสุทธิ์อย่างน้อย ร้อยละ 99.5
โรงงานจึงต้องทำการกลั่นซ้ำ ทำให้ต้องใช้พลังงาน เพิ่มขึ้น บางโรงงานจะใช้สารเคมีบางชนิดดูดซับน้ำจากเอทานอล แต่สารชนิดนี้มีราคาแพงและต้องใช้พลังงานความร้อนในการแยกน้ำ
รศ.สุจิตรา วงษ์เกษมจิตต์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาฯ หนึ่งในคณะวิจัยที่คิดค้นนวัตกรรมการผลิตเอทานอลบริสุทธิ์เท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 99.5 โดยการใช้แผ่นเยื่อบางซีโอไลท์ชนิดโซเดียม - เอ กล่าวว่า ถือเป็นนวัตกรรมสำหรับประเทศไทย แต่มีใช้อยู่แล้วในประเทศญี่ปุ่นและจีน
แผ่นเยื่อบางดังกล่าวสามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองจากสารตั้งต้นคือซิลิกาและอะลูมิน่า ซึ่งหาได้ในประเทศไทยและมีราคาถูกแผ่นเยื่อบางที่ได้จะมีความ ทนทานใช้ได้นานและใช้ซ้ำได้หลายครั้ง จากการทดลองสามารถผลิตเอทานอล บริสุทธิ์ได้เฉลี่ยร้อยละ ๙๙.๗ และมีหลายครั้งที่ผลิตได้ถึงร้อยละ 100
ทำให้เอทานอลบริสุทธิ์ที่ได้เหลือปริมาณน้ำอยู่น้อยมาก ประมาณร้อยละ 0.1 เท่านั้น จึงไม่มีอันตรายต่อเครื่องยนต์ แม้จะใช้เป็น E100 เหมือนประเทศบราซิลก็ตาม
วิธีการนี้สามารถประหยัดพลังงาน ได้ประมาณ 3-7 เท่า เมื่อเทียบกับวิธีการผลิตเอทานอลบริสุทธิ์ ที่ใช้ในปัจจุบัน ขณะนี้งานวิจัยยังอยู่ในระดับห้องปฏิบัติการ ที่ผ่านมา มีเจ้าของธุรกิจหลายรายที่สนใจจะนำชุดแผ่นเยื่อบางนี้ไปใช้จริง
ผลงานวิจัยนี้ยังต้องมีการปรับปรุงผลงานเพื่อใช้ในระดับงาน อุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีเตรียมแผ่นเยื่อบางและ สร้างปฏิกรณ์สำหรับแยกน้ำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งต้องสร้าง ปฏิกรณ์สำหรับสร้างแผ่นเยื่อบาง
สำหรับการต่อยอดงานวิจัยในอนาคต รศ.สุจิตรา กล่าวว่า มีแนวคิดที่จะนำแผ่นเยื่อบางดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ใช้ในการแยกน้ำออกจากน้ำเสียซึ่งมีสารอินทรีย์อยู่จำนวนมาก เป็นต้น
นอกจากนี้จะทำการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิวทานอล ซึ่งเป็น แอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักวัสดุทางเกษตรเช่นเดียวกับเอทานอล แต่มีจุดเดือดสูงกว่าและเป็นสารที่ไม่ชอบน้ำ
หากสามารถนำไปใช้ผสม กับน้ำมันเชื้อเพลิงแทนเอทานอลได้ ก็จะทำให้กระบวนการผลิต ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งในต่างประเทศกำลังมีการศึกษา วิจัยเกี่ยวบิวทานอลว่าวิธีการหมักแบบใดที่จะผลิตบิวทานอลได้มากที่สุด

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552


เด็กน้อยเหล่าที่เห็น..เกิดมาบนโลกใบนี้..ร่วมกันกับใครๆ..แต่เขาจะมีโอกาสอยู่ร่วมกับใครๆ..บนโลกใบนี้ในฐานะใด